ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยการบริหารงานสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๘
…………………………………………………
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงาน สำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์เพื่อให้มีความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ (๒) (๓) (๔) และมาตรา ๕๑ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ สภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ ออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงาน
สำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๘”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อบังคับนี้
“มหาวิทยาลัย” หมายความว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“อธิการบดี” หมายความว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์
“ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์
“คณะกรรมการบริหาร” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์
“พนักงานสำนักงาน” หมายความว่า พนักงานของมหาวิทยาลัยที่จ้างด้วยเงินรายได้ของสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์
“ลูกจ้างสำนักงาน” หมายความว่า ลูกจ้างของสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์ที่จ้างด้วยเงินรายได้ของสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์ที่ไม่ใช่พนักงานสำนักงาน โดยจ้างแบบรายเดือน รายวัน หรือรายชั่วโมงตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ข้อ ๔ ให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศมหาวิทยาลัย
เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้
หมวด ๑
วัตถุประสงค์ ภารกิจ หน้าที่และอำนาจ
ข้อ ๕ สำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์เป็นส่วนงานของมหาวิทยาลัยที่มีวัตถุประสงค์
ภารกิจ หน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑) บริหารจัดการกระบวนการที่เกี่ยวกับการจัดหาบทความวิชาการ ต้นฉบับวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ หรือที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่น เพื่อตรวจสอบ ขออนุญาต กำหนดลิขสิทธิ์ และขอกำหนดเลข ISBN
(International Standard Book Number หรือเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ) เพื่อนำมาจัดพิมพ์
หรือจัดทำในรูปเอกสารหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
(๒) จัดให้มีการพิมพ์หนังสือ ตำรา บทความ เอกสาร สื่อใบปลิว ตั๋ว สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
หรือที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
(๓) จำหน่ายพัสดุ ตำรา หนังสือ หรือสื่อสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน
และการบริหารมหาวิทยาลัย สินค้าที่ระลึก และสินค้าอื่นหรือบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
และการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย
(๔) จัดหาหรือดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุหรือครุภัณฑ์หรืองานบริการที่ใช้ประโยชน์ในมหาวิทยาลัย
(๕) ผลิต ว่าจ้างผลิต และจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีชื่อ ตราสัญลักษณ์ เครื่องหมาย และรูปที่แสดงเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยประกอบบนตัวสินค้า
ในการดำเนินการจัดหารายได้ สำนักงานต้องกำหนดราคาตำรา หนังสือ สินค้า หรือบริการของสำนักงานสำหรับนักศึกษาและผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยในอัตราที่เหมาะสมกับการจัดเพื่อเป็นสวัสดิการ
แก่นักศึกษาและผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
ข้อ ๖ สำนักงานอาจให้มีหน่วยงานภายในแบ่งออกเป็นฝ่าย แผนก งาน หรือหน่วยที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ โดยให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนออธิการบดีเพื่อพิจารณาเสนอสภามหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติ และออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัย
หมวด ๒
คณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารการพิมพ์ธรรมศาสตร์
ข้อ ๗ ให้มีคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย
(๑) อธิการบดีหรือผู้ที่อธิการบดีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
(๒) กรรมการที่อธิการบดีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ กฎหมาย การเงิน
การบัญชี หรือด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารสำนักงาน จำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน
(๓) ผู้อำนวยการ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้อธิการบดีมอบหมายให้กรรมการตาม (๒) คนใดคนหนึ่งเป็นรองประธาน
ผู้อำนวยการอาจแต่งตั้งพนักงานสำนักงานอีกหนึ่งคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการก็ได้
ข้อ ๘ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๗ (๒) มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี
และอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกก็ได้
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๗ (๒) พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๔) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(๕) ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำ
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ข้อ ๙ ในกรณีที่กรรมการในคณะกรรมการบริหารว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด และยังไม่มี
การดำเนินการให้ได้มาซึ่งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้คณะกรรมการบริหารประกอบด้วยกรรมการ
เท่าที่มีอยู่
ข้อ ๑๐ ในกรณีที่กรรมการในคณะกรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ
เมื่อได้มีการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการแทนแล้ว ให้กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งแทนมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ที่ตนแทน
ข้อ ๑๑ คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑) กำหนดนโยบายของสำนักงานให้สอดคล้องกับแนวนโยบาย วัตถุประสงค์และภารกิจ
ของสำนักงาน
(๒) พิจารณาวางนโยบาย แผนงาน และการบริหารงานของสำนักงานให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของมหาวิทยาลัยเพื่อเสนออธิการบดีพิจารณาอนุมัติ
(๓) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การบริหารกิจการหรือธุรกิจของสำนักงาน
(๔) พิจารณาและจัดทำงบประมาณรายรับ รายจ่ายประจำปีของสำนักงานเพื่อเสนออธิการบดีพิจารณาก่อนเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาอนุมัติ
(๕) พิจารณานำส่งเงินรายได้ของสำนักงานตามหลักเกณฑ์ที่อธิการบดีโดยความเห็นชอบของ
สภามหาวิทยาลัยกำหนด
(๖) พิจารณาการจัดตั้ง รวม ยุบเลิก และแบ่งส่วนงานภายในสำนักงานเพื่อเสนออธิการบดีพิจารณาก่อนเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาอนุมัติ
(๗) พิจารณาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลพนักงานสำนักงานและลูกจ้างสำนักงาน
(๘) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การบริหารการเงิน งบประมาณ การบัญชี การพัสดุ
และทรัพย์สินของสำนักงาน
(๙) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบภายใน การควบคุมภายใน และการบริหาร
ความเสี่ยงให้สอดคล้องกับการดำเนินการของมหาวิทยาลัย
(๑๐) พิจารณากำหนดแนวทางและควบคุมดูแลการบริหารงาน ตลอดจนแก้ปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้น
(๑๑) พิจารณาการแต่งตั้งและถอดถอนผู้ทำหน้าที่บริหารหน่วยงานของสำนักงาน
(๑๒) พิจารณากำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน เบี้ยปรับ และค่าบริการ
ที่เรียกเก็บจากการดำเนินงานของสำนักงานโดยออกเป็นประกาศของสำนักงาน
(๑๓) พิจารณากำหนดอัตราค่าใช้จ่ายของสำนักงานโดยเสนออธิการบดีเพื่ออนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้ออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัยแล้วรายงานให้สภามหาวิทยาลัยทราบ
(๑๔) พิจารณารายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาสและรายงานฐานะการเงินประจำปีของ สำนักงานเพื่อเสนออธิการบดีพิจารณาก่อนเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่อทราบ
(๑๕) แต่งตั้งและกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ที่ปรึกษา
หรือมอบหมายบุคคลเพื่อปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการบริหารมอบหมาย รวมถึงกำหนดค่าตอบแทนผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย หรือตำแหน่งอื่น
(๑๖) ดำเนินการอื่นใดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสำนักงาน
ข้อ ๑๒ ให้คณะกรรมการบริหารประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เว้นแต่ในกรณีที่ประธานกรรมการเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องประชุมในเดือนใดจะงดการประชุมในเดือนนั้นก็ได้ โดยในการประชุมคณะกรรมการบริหารต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จึงจะเป็นองค์ประชุม
ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม และถ้ารองประธานกรรมการก็ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุมเฉพาะการประชุมคราวนั้น
การลงมติของคณะกรรมการบริหารให้ถือเสียงข้างมากของผู้เข้าร่วมประชุม กรรมการคนหนึ่ง
ให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่ง
เป็นเสียงชี้ขาด
เงินค่าสมนาคุณ ค่าตอบแทน ค่าเบี้ยประชุม หรือสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่คณะกรรมการบริหาร ให้อธิการบดีโดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยกำหนดโดยออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัย
หมวด ๓
ผู้อำนวยการ
ข้อ ๑๓ ให้มีผู้อำนวยการที่อธิการบดีแต่งตั้งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบบริหารงานของสำนักงาน
ผู้อำนวยการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้
(ก) คุณสมบัติ
(๑) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาชั้นใดชั้นหนึ่งหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัย
หรือสถานศึกษาชั้นสูงอื่นที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง
(๒) มีความรู้ความสามารถในด้านที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของสำนักงานหรือด้านการบริหารงาน
(๓) สามารถปฏิบัติงานในสำนักงานได้เต็มเวลา
(ข) ลักษณะต้องห้าม
(๑) ไม่เป็นอาจารย์ประจำหรือผู้ปฏิบัติงานอื่นซึ่งมีลักษณะเป็นตำแหน่งหน้าที่ประจำของมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานอื่นใด
(๒) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(๓) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบ
(๔) ไม่เป็นผู้เคยถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิด
ที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๕) ไม่เป็นผู้เคยถูกสั่งลงโทษวินัยอย่างร้ายแรง หรือถูกให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ หรือจากรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานของรัฐเพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณ
ในกรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อธิการบดีอาจแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการก็ได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
ข้อ ๑๔ ผู้อำนวยการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้
(๑) บริหารกิจการของสำนักงานให้เป็นไปตามข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศของมหาวิทยาลัย ตลอดจนคำสั่งหรือการมอบหมายของสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี หรือคณะกรรมการบริหาร
(๒) บริหารงานบุคคล การคลัง การเงิน การพัสดุ สถานที่ และดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ภารกิจ หน้าที่และอำนาจให้เป็นไปตามข้อบังคับ ระเบียบหรือประกาศ ตลอดจนคำสั่งหรือการมอบหมายของ
สภามหาวิทยาลัย อธิการบดี หรือคณะกรรมการบริหาร
(๓) จัดทำแผนพัฒนาสำนักงานเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาและนำเสนอ
สภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
(๔) จัดทำแผนธุรกิจหรือกิจการหารายได้ของสำนักงานเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร
เพื่อพิจารณา
(๕) ควบคุมและกำกับดูแลการบริหารงานของสำนักงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อ ๕
(๖) ควบคุมดูแลให้มีการปฏิบัติตามนโยบายและแผนงานของสำนักงานที่ได้รับการพิจารณา
ให้ความเห็นชอบหรือได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารหรือสภามหาวิทยาลัยแล้ว
(๗) ดำเนินการเพื่อจัดหารายได้และทรัพยากรอื่นจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินภารกิจของสำนักงานให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
(๘) จัดทำงบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่ายเสนอต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาอนุมัติ
(๙) จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการด้านต่าง ๆ ของสำนักงานเสนอต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณาและนำเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
(๑๐) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามคำสั่งหรือการมอบหมายของสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี
หรือคณะกรรมการบริหาร
ข้อ ๑๕ ให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารแต่งตั้งหัวหน้าฝ่าย
และหัวหน้างานตามจำนวนที่คณะกรรมการบริหารกำหนดเพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบงานตามที่ผู้อำนวยการมอบหมาย
ข้อ ๑๖ ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยในนามของสำนักงาน และเป็นผู้ลงนามในบันทึก จดหมาย หรือเอกสารต่าง ๆ ของสำนักงาน หรือทำความตกลงใด ๆ ที่เป็นการดำเนินงานภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน
ข้อ ๑๗ ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการหารายได้ตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน
ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้รับมอบอำนาจจากอธิการบดีในการลงนามในหนังสือหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ
การเสนอราคา หรือเสนอเงื่อนไขการให้บริการ รวมตลอดถึงการลงนามสัญญาหรือข้อตกลงกับคู่สัญญา
หรือบุคคลภายนอกในนามมหาวิทยาลัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยการรักษาการแทนและการมอบอำนาจให้ปฏิบัติการแทน
ข้อ ๑๘ ผู้อำนวยการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสามปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่อีกได้
แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกได้
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่ง ผู้อำนวยการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๔) เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(๕) ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
(๖) อธิการบดีโดยข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารมีมติให้ถอดถอนเพราะขาดประสิทธิภาพ
หมวด ๔
การบริหารงานบุคคล
ข้อ ๑๙ ให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานดังต่อไปนี้
(๑) จัดทำนโยบายและแผนงานการบริหารบุคคลเพื่อเสนอสภามหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติตามรอบระยะเวลาการจัดทำนโยบายและแผนงานบริหารบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัยที่สภามหาวิทยาลัยกำหนด
(๒) กำหนดประเภทตำแหน่ง ชื่อตำแหน่ง มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง คุณสมบัติทั่วไป
และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของพนักงานสำนักงาน
(๓) กำหนดบัญชีอัตราเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทน หรือเงินเพิ่มของพนักงาน
สำนักงาน หรือลูกจ้างสำนักงาน
(๔) กำหนดอัตรากำลังของสำนักงาน
(๕) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การสรรหา การบรรจุ แต่งตั้ง และการทำสัญญาปฏิบัติงานของพนักงานสำนักงาน
(๖) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การทดลองปฏิบัติงานและการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานสำนักงาน
(๗) พิจารณากำหนดสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ ตลอดจนประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ ให้แก่พนักงานสำนักงาน
(๘) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์วิธีการเกี่ยวกับการลา การพัฒนาบุคลากร วันเวลาปฏิบัติงาน
และวันหยุดของสำนักงาน
(๙) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์วิธีการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารบุคคลที่เป็นลักษณะเฉพาะของสำนักงาน
การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตามวรรคหนึ่ง เมื่อคณะกรรมการบริหารให้ความเห็นชอบแล้วให้ออกเป็นประกาศสำนักงาน
ข้อ ๒๐ ให้อธิการบดีมีอำนาจเกี่ยวกับการแต่งตั้ง การกำหนดเงินเดือน ค่าตอบแทน
และการทำสัญญาปฏิบัติงานของผู้อำนวยการ
ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจเกี่ยวกับการบรรจุแต่งตั้ง และการทำสัญญาปฏิบัติงานของพนักงานสำนักงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ข้อ ๒๑ ให้สำนักงานจัดให้พนักงานสำนักงานเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วย
การประกันสังคม
คณะกรรมการบริหารโดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการอาจจัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ของพนักงานสำนักงาน หรือจัดให้มีการประกันอุบัติเหตุหรือประกันชีวิต หรือจัดให้มีสวัสดิการอื่น
ให้แก่พนักงานสำนักงานได้
ข้อ ๒๒ การบริหารงานบุคคลพนักงานสำนักงานนอกจากที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
ให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล วินัยและการดำเนินการทางวินัย
และการอุทธรณ์หรือการร้องทุกข์ของพนักงานมหาวิทยาลัย
ข้อ ๒๓ นอกจากพนักงานสำนักงาน สำนักงานอาจมีลูกจ้างสำนักงานที่เป็นการจ้าง
แบบรายเดือน รายวัน หรือรายชั่วโมงก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารกำหนดและออกเป็นประกาศสำนักงาน
หมวด ๕
การบริหารเงินรายได้ของสำนักงาน
ข้อ ๒๔ ให้สำนักงานเป็นส่วนงานทางการเงินที่มีเงินรายได้ของส่วนงานตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ และการบัญชี และให้ดำเนินการรับจ่าย
เก็บรักษา และบริหารเงินรายได้ของสำนักงานเพื่อการบริหารงานสำนักงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสำนักงาน
ข้อ ๒๕ การเบิกเงิน การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่คณะกรรมการบริหารกำหนดและออกเป็นประกาศสำนักงาน
ข้อ ๒๖ ให้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยซึ่งเกิดขึ้นจากการดำเนินงานของสำนักงานเป็นเงินรายได้ของสำนักงาน
เงินรายได้ของสำนักงานตามวรรคหนึ่งให้รวมถึง
(๑) เงินและทรัพย์สินที่ได้รับมอบหมายตามข้อ ๓๑
(๒) รายได้จากการประกอบกิจการ การให้เช่าพื้นที่ การขาย การรับจ้าง หรือการให้บริการอื่น
ทั้งที่เป็นการให้บริการแก่ส่วนงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
(๓) รายได้หรือผลประโยชน์จากการลงทุน
(๔) เงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นซึ่งมีผู้อุทิศให้
(๕) เงินอุดหนุนจากมหาวิทยาลัย
(๖) รายได้หรือผลประโยชน์อื่น
ให้สำนักงานเก็บรายได้ไว้ใช้จ่ายได้ตามงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย
ตามข้อบังคับนี้
ข้อ ๒๗ การบริหารการเงิน งบประมาณ การบัญชี และการพัสดุ นอกจากที่กำหนดไว้
ในข้อบังคับนี้ ให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ การบัญชี
ในกรณีที่นำข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ
และการบัญชีมาใช้บังคับ ให้ผู้อำนวยการปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าส่วนงานทางการเงินตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ และการบัญชี และให้คณะกรรมการบริหารปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะกรรมการประจำส่วนงานตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหาร การเงิน งบประมาณ และการบัญชี
หมวด ๖
การบัญชีและการตรวจสอบ
ข้อ ๒๘ ให้สำนักงานจัดทำบัญชีเกี่ยวกับทรัพย์สิน และการจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของสำนักงานตามมาตรฐานทางการบัญชีที่รับรองทั่วไป
ตามรูปแบบที่มหาวิทยาลัยกำหนด
ข้อ ๒๙ ให้สำนักงานจัดให้มีการตรวจสอบการดำเนินกิจการและการเงินของสำนักงานตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ให้ผู้ตรวจสอบตามวรรคหนึ่งจัดทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร
และรายงานต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
ข้อ ๓๐ เมื่อสิ้นปีงบประมาณให้สำนักงานจัดทำงบการเงินประจำปีส่งให้คณะกรรมการบริหารและอธิการบดีภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่มหาวิทยาลัยกำหนด
เมื่อดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้สำนักงานจัดทำงบการเงินรวมให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นและนำเสนอรายงานการเงินที่ตรวจสอบแล้วพร้อมข้อสังเกตของผู้สอบบัญชี
รับอนุญาตซึ่งผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบของมหาวิทยาลัยแล้ว
ต่อสภามหาวิทยาลัยภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๓๑ ให้ดำเนินการมอบหมายทรัพย์สินและภาระผูกพันของสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มาเป็นทรัพย์สินของสำนักงานตามข้อบังคับนี้
ให้ดำเนินการมอบหมายเงินรายได้ที่เกิดจากการดำเนินงานของสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มาเป็นเงินรายได้ของสำนักงานตามข้อบังคับนี้
ให้ดำเนินการมอบหมายงบประมาณของสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ตั้งไว้มาเป็นงบประมาณของสำนักงานตามข้อบังคับนี้
ข้อ ๓๒ ให้ดำเนินการโอนพนักงานมหาวิทยาลัยและลูกจ้างซึ่งสังกัดสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาเป็นพนักงานสำนักงานและลูกจ้างสำนักงาน
ข้อ ๓๓ ให้การดำเนินงานและกิจการของสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้ดำเนินการก่อนวันที่ข้อบังคับนี้
ใช้บังคับเป็นการดำเนินงานและกิจการของสำนักงานโดยให้มีผลผูกพันต่อไปจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
หรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับนี้
ข้อ ๓๔ ให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการตามข้อบังคับนี้ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ
ข้อ ๓๕ ให้ออกประกาศมหาวิทยาลัยหรือประกาศสำนักงาน เพื่อปฏิบัติการตามข้อบังคับนี้
ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ
ในระหว่างที่ยังมิได้ออกประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้นำข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศที่ใช้อยู่ในวันก่อนวันที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้
ในกรณีที่มีปัญหาขัดข้องในการดำเนินการตามบทเฉพาะกาลนี้และไม่มีบทบัญญัติใดกำหนด
เรื่องการดำเนินการดังกล่าวไว้ ให้เสนออธิการบดีเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด
ประกาศ ณ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘
(ศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์)
นายกสภามหาวิทยาลัย