ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๗
————————————
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วย
การบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ และสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ….”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (ข) ของข้อ ๑๕ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(ข) นักวิจัย มีตำแหน่งทางวิชาการ ดังต่อไปนี้
(๑) นักวิจัย ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
(๒) นักวิจัย ระดับเชี่ยวชาญ
(๓) นักวิจัย ระดับชำนาญการพิเศษ
(๔) นักวิจัย ระดับปฏิบัติการ”
ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น วรรคสาม ของข้อ ๑๕/๓ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๓
“นักวิจัย สายสนับสนุนวิชาการซึ่งดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการอยู่ก่อนวันที่ข้อบังคับนี้
ใช้บังคับ เมื่อได้รับการเปลี่ยนสถานภาพเป็นนักวิจัย สายวิชาการ แล้ว คงดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการ
ในสายวิชาการต่อไปจนกว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งชำนาญการพิเศษตามข้อบังคับนี้”
ประกาศ ณ วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗
(ศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์)
นายกสภามหาวิทยาลัย