ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยโครงการบริการสังคม พ.ศ. ๒๕๖๘
…………………………………………………
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคม
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ สภามหาวิทยาลัยได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้ออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๘”
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นไปต้นไป
ข้อ ๓ ข้อบังคับนี้ใช้บังคับแก่ส่วนงานของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกส่วนงาน เว้นแต่ส่วนงาน
ที่มีข้อบังคับว่าด้วยการบริหารส่วนงานที่กำหนดการดำเนินโครงการบริการสังคมหรือการบริการวิชาการและวิชาชีพแก่สังคมของส่วนงานเป็นการเฉพาะ และส่วนงานที่ได้รับยกเว้นตามมติสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ข้อ ๔ ในข้อบังคับนี้
“มหาวิทยาลัย” หมายความว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“อธิการบดี” หมายความว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ส่วนงาน” หมายความว่า ส่วนงานที่มีเงินรายได้ของส่วนงานตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ และการบัญชี
“หัวหน้าส่วนงาน” หมายความว่า คณบดี ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการสำนัก
ผู้อำนวยการสำนักงาน หัวหน้าส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น และให้หมายความรวมถึงรองอธิการบดีที่กำกับดูแลส่วนงานหรือหัวหน้าโครงการที่ได้รับการกำหนดให้เป็นส่วนงานที่มีเงินรายได้ของส่วนงาน
“เงินรายได้ส่วนกลางของมหาวิทยาลัย” หมายความว่า เงินรายได้ส่วนกลางของมหาวิทยาลัย
ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ และการบัญชี
“โครงการบริการสังคม” หมายความว่า โครงการบริการการศึกษาและโครงการทางวิชาการ
และวิชาชีพแก่สังคมภายใต้ความรับผิดชอบกำกับดูแลของส่วนงาน รวมทั้งโครงการที่ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐหรือภาคเอกชน
ข้อ ๕ กรณีนอกเหนือจากหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ ให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ และการบัญชี
ข้อ ๖ ให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ และมีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับนี้
ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้อธิการบดีมีอำนาจในการวินิจฉัยปัญหา และคำวินิจฉัยของอธิการบดีให้เป็นที่สุด
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้อ ๗ การจัดทำโครงการบริการสังคมมีวัตถุประสงค์เพื่อการให้บริการการศึกษา การให้บริการทางวิชาการ และการให้บริการทางวิชาชีพแก่สังคม แต่ไม่รวมถึงโครงการให้คำปรึกษา ทำวิจัย
และการหาประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา
ข้อ ๘ โครงการบริการสังคมจะต้องเป็นโครงการที่จัดเก็บรายได้และต้องมีรายได้เพียงพอ
ที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่ขอเงินงบประมาณสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยหรือส่วนงาน
ข้อ ๙ โครงการบริการสังคม แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้
(๑) โครงการบริการการศึกษาเพื่อรับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรชั้นหนึ่งชั้นใด
(๒) โครงการบริการวิชาการและวิชาชีพ แบ่งออกเป็น ๕ ประเภท
(๒.๑) โครงการจัดการศึกษาอื่นนอกเหนือจากข้อ ๙ (๑) เช่น การจัดฝึกอบรม
การจัดสัมมนาทางวิชาการ การจัดสอบ การพัฒนาข้อสอบ
(๒.๒) โครงการให้บริการทางวิชาชีพ เช่น การบริการทางการแพทย์ การสาธารณสุข การแปลเอกสาร การบริการทางกฎหมาย การจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ การบริการทางกายภาพบำบัด วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย การออกแบบทางสถาปัตยกรรม การวิเคราะห์ข้อมูล
(๒.๓) โครงการให้บริการทางวิชาการโดยใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ และบริการทางวิชาชีพ
เช่น การบริการทดสอบ การวิเคราะห์ตัวอย่าง การพัฒนาผลิตภัณฑ์
(๒.๔) โครงการให้บริการการใช้สถานที่ของส่วนงาน เช่น โรงภาพยนตร์ โรงละคร สตูดิโอ
(๒.๕) โครงการประเภทอื่นที่อธิการบดีอนุมัติ
ข้อ ๑๐ ให้ส่วนงานที่มีการดำเนินโครงการบริการสังคม จัดให้มีคณะกรรมการของส่วนงาน
คณะหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการโครงการบริการสังคมตามข้อบังคับนี้ มีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองโครงการบริการสังคมของส่วนงานก่อนนำเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติจากมหาวิทยาลัยและดูแลรับผิดชอบ
ในการบริหารงานโครงการบริการสังคมทุกโครงการของส่วนงาน ตลอดจนดำเนินการจัดทำประมาณการรายรับรายจ่ายของโครงการย่อยทุกโครงการและประมาณการรายรับรายจ่ายรวมของโครงการบริการสังคมของ
ส่วนงาน เพื่อเสนอต่ออธิการบดีก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณ หรือก่อนเริ่มดำเนินโครงการย่อย แล้วแต่กรณี
หมวด ๒
การบริหารเงินรายได้ของโครงการบริการสังคม
ข้อ ๑๑ รายได้ของโครงการบริการสังคม มีดังนี้
(๑) รายได้ที่จัดเก็บจากผู้รับบริการ
(๒) เงินรายได้หรือทรัพย์สินที่ผู้ร่วมโครงการมอบไว้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริหารโครงการ
(๓) เงินรายได้หรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(๔) ดอกผลจากเงินรายได้ของโครงการ
ข้อ ๑๒ รายจ่ายของโครงการบริการสังคม มีดังนี้
(๑) ค่าจ้าง เงินเดือน และสวัสดิการเพื่อการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยตามภารกิจตามประกาศมหาวิทยาลัยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยตามภารกิจ
(๒) ค่าตอบแทน
(๓) ค่าใช้สอยและค่าวัสดุ
(๔) ค่าสาธารณูปโภค
(๕) ค่าครุภัณฑ์
(๖) ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
(๗) เงินอุดหนุน
(๘) ค่าใช้จ่ายอื่น
ข้อ ๑๓ ให้ส่วนงานจัดเก็บรายได้สุทธิที่ได้จากการดำเนินโครงการบริการสังคมไว้ใช้จ่ายภายในส่วนงานได้โดยไม่ต้องนำส่งมหาวิทยาลัยและให้ถือเป็นเงินรายได้ของส่วนงานนั้น ซึ่งจะต้องดำเนินการ
ให้เป็นไปตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ และการบัญชี
ข้อ ๑๔ ให้ส่วนงานจัดทำบัญชีโครงการบริการสังคมของส่วนงานทุกโครงการ แยกรายรับรายจ่ายของแต่ละโครงการตามประเภทโครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ ไว้ให้ชัดเจน และให้ถือว่ารายรับ
หรือรายจ่ายของโครงการย่อยทั้งหมดนั้น เป็นรายรับหรือรายจ่ายรวมของโครงการบริการสังคมของส่วนงาน
ข้อ ๑๕ อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นที่เรียกเก็บจากนักศึกษาในโครงการบริการสังคม ตามข้อ ๙ (๑) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการการเงินให้ความเห็นชอบและออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัยและรายงานสภามหาวิทยาลัยเพื่อทราบ
อัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการของโครงการบริการสังคม ตามข้อ ๙ (๒) ให้หัวหน้าส่วนงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโครงการบริการสังคมของส่วนงานกำหนดและเสนอพร้อมการขออนุมัติดำเนินโครงการบริการสังคม ตามหมวด ๓ หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุมัติดำเนินโครงการบริการสังคม
ข้อ ๑๖ การกำหนดรายการ หลักเกณฑ์ และอัตราการจ่ายเงินของโครงการบริการสังคม
ตามข้อ ๑๒ ให้เป็นไปตามที่หัวหน้าส่วนงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการโครงการบริการสังคมของ
ส่วนงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประจำส่วนงานกำหนดและออกเป็นประกาศส่วนงาน
และรายงานอธิการบดีเพื่อทราบ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงศักยภาพด้านงบประมาณของโครงการบริการสังคมด้วย
โครงการใดที่เป็นโครงการความร่วมมือกันระหว่างส่วนงานตั้งแต่สองส่วนงานขึ้นไป
ให้หัวหน้าส่วนงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการโครงการบริการสังคมของส่วนงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประจำส่วนงานที่ร่วมมือกันนั้น ร่วมกันกำหนดรายการ หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงิน
ของโครงการและออกเป็นประกาศของส่วนงานร่วมกันและรายงานอธิการบดีเพื่อทราบ ทั้งนี้ ชื่อส่วนงาน
ที่ออกประกาศให้ระบุชื่อส่วนงานที่ดำเนินโครงการร่วมกันให้ครบถ้วน
ข้อ ๑๗ ให้ส่วนงานนำส่งเงินรายได้ของโครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๑) เป็นเงินรายได้ส่วนกลางของมหาวิทยาลัยตามหลักเกณฑ์และอัตรา ดังนี้
(๑) การศึกษาระดับปริญญาตรี อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรบัณฑิต ในอัตราร้อยละ ๑๕
ของเงินค่าหน่วยกิตและเงินค่าธรรมเนียมอื่นที่จัดเก็บได้ในแต่ละภาคการศึกษา
(๒) การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
(๒.๑) ระดับปริญญาโท ในอัตราร้อยละ ๒๐ ของเงินค่าหน่วยกิตและเงินค่าธรรมเนียมอื่น
ที่จัดเก็บได้ในแต่ละภาคการศึกษา เว้นแต่ระดับปริญญาโทที่เป็นหลักสูตรแผน ก. ให้นำส่งในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินค่าหน่วยกิตและเงินค่าธรรมเนียมอื่นที่จัดเก็บได้ในแต่ละภาคการศึกษา
(๒.๒) ระดับปริญญาเอก ในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินค่าหน่วยกิตและเงินค่าธรรมเนียมอื่น
ที่จัดเก็บได้ในแต่ละภาคการศึกษา
(๓) การสอบประมวลวิชาและสอบวัดคุณสมบัติ ในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินค่าสอบประมวลวิชาและค่าสอบวัดคุณสมบัติที่จัดเก็บได้ในแต่ละภาคการศึกษา
เงินค่าธรรมเนียมอื่นที่จัดเก็บได้ในแต่ละภาคการศึกษาตามวรรคหนึ่งมิให้หมายความรวมถึง
เงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บตามระเบียบหรือประกาศมหาวิทยาลัยที่ว่าด้วยอัตราค่าธรรมเนียมการศึกษา
ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัย
ข้อ ๑๘ รายได้ที่เป็นค่าสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรของโครงการบริการสังคม
ตามข้อ ๙ (๑) ให้ส่วนงานนำส่งเป็นเงินรายได้ส่วนกลางของมหาวิทยาลัยตามหลักเกณฑ์และอัตรา ดังนี้
(๑) กรณีที่สำนักงานทะเบียนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการรับสมัคร
ในอัตราร้อยละ ๖๐ ของเงินค่าสมัครสอบ
(๒) กรณีที่ส่วนงานเป็นผู้ดำเนินการรับสมัคร
(๒.๑) ระดับปริญญาตรี ในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินค่าสมัครสอบ
(๒.๒) ระดับปริญญาโท ในอัตราร้อยละ ๒๐ ของเงินค่าสมัครสอบ
(๒.๓) ระดับปริญญาเอก ในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินค่าสมัครสอบ
ในกรณีที่โครงการบริการสังคมตามวรรคหนึ่งเป็นโครงการใหม่ เมื่อหัวหน้าส่วนงานผู้ดำเนินโครงการร้องขอ ให้อธิการบดีมีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันการนำส่งเงินรายได้ที่เกิดขึ้นจากการเรียกเก็บค่าสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๙ ให้ส่วนงานนำส่งเงินรายได้ของโครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) เป็นเงินรายได้ส่วนกลางของมหาวิทยาลัย ตามหลักเกณฑ์และอัตรา ดังนี้
(๑) โครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) ประเภท (๒.๑) ในอัตราร้อยละ ๘ ของรายรับที่จัดเก็บไว้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็น คณะกรรมการการเงินอาจพิจารณาปรับอัตรา
การนำส่งเงินดังกล่าวได้ แต่จะกำหนดให้ต่ำกว่าร้อยละ ๘ หรือเกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของรายรับที่จัดเก็บไว้
ก่อนหักค่าใช้จ่ายไม่ได้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอัตราการนำส่งเงิน ให้ออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัยและรายงาน
สภามหาวิทยาลัยเพื่อทราบ
(๒) โครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) ประเภท (๒.๒) ในอัตราร้อยละ ๑๐ ของรายรับ
ที่จัดเก็บไว้ก่อนหักค่าใช้จ่าย เว้นแต่เป็นการให้บริการทางวิชาชีพและมีการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือ ให้นำส่ง
ในอัตราร้อยละ ๘ ของรายรับที่จัดเก็บไว้ก่อนหักค่าใช้จ่าย
(๓) โครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) ประเภท (๒.๓) ในอัตราร้อยละ ๘ ของรายรับที่จัดเก็บไว้ก่อนหักค่าใช้จ่าย
(๔) โครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) ประเภท (๒.๔) ในอัตราร้อยละ ๓๐ ของรายรับที่จัดเก็บไว้ก่อนหักค่าใช้จ่าย
(๕) โครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) ประเภท (๒.๕) ให้นำส่งเงินตามที่อธิการบดีกำหนด
โดยให้เทียบเคียงกับอัตราที่กำหนดสำหรับโครงการบริการสังคมประเภทต่าง ๆ ตามข้อบังคับนี้
โครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ (๒) โครงการใดมีลักษณะเข้าประเภทโครงการบริการสังคมมากกว่าหนึ่งประเภท ให้นำส่งเงินโดยใช้อัตรานำส่งเงินรายได้ที่สูงสุดเพียงอัตราเดียว
ข้อ ๒๐ ในกรณีที่หัวหน้าส่วนงานซึ่งดำเนินโครงการบริการสังคมที่ต้องนำส่งเงินรายได้เป็นรายได้ส่วนกลางตามข้อ ๑๙ (๑) เห็นว่ามีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งอาจร้องขอต่ออธิการบดีเพื่อให้อธิการบดีพิจารณากำหนดให้ส่วนงานที่ร้องขอนำส่งเงินรายได้โดยไม่เป็นไปตามอัตราที่กำหนดตามข้อ ๑๙ (๑) ก็ได้
ทั้งนี้ ให้อธิการบดีพิจารณากำหนดการนำส่งเงินรายได้ดังกล่าวโดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
และอาจกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้
ในกรณีที่โครงการบริการสังคมที่ต้องนำส่งเงินรายได้เป็นรายได้ส่วนกลางตามข้อ ๑๙ (๑)
เป็นการจัดฝึกอบรมหรือสัมมนาทางวิชาการให้แก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัย หากในขณะเสนอขออนุมัติ
ดำเนินโครงการ หัวหน้าส่วนงานเห็นว่าจำนวนประมาณการรายรับน้อยกว่าประมาณการรายจ่าย
โดยไม่สามารถมีรายได้เหลือเพียงพอที่จะนำส่งเงินให้แก่มหาวิทยาลัยตามอัตราที่กำหนดได้ ให้หัวหน้าส่วนงานเสนอขอยกเว้นหรือเปลี่ยนแปลงอัตราการนำส่งเงินรายได้แก่มหาวิทยาลัย โดยเสนอต่ออธิการบดีเพื่อพิจารณา
ข้อ ๒๑ ให้ส่วนงานนำส่งเงินรายได้ของโครงการบริการสังคมเป็นรายได้ส่วนกลาง
ของมหาวิทยาลัยตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๙ ให้แก่มหาวิทยาลัยภายในสามสิบวันนับแต่วันที่การดำเนิน
โครงการนั้น ๆ เสร็จสิ้น
ข้อ ๒๒ ให้ส่วนงานดำเนินการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงิน ตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารการเงิน งบประมาณ
และการบัญชี
ข้อ ๒๓ ให้หัวหน้าส่วนงานเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินของโครงการบริการสังคม
หัวหน้าส่วนงานอาจมอบหมายหรือมอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งอื่น
ในส่วนงานของตนเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินในโครงการใดแทนตนก็ได้ โดยออกเป็นประกาศส่วนงาน
ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงระดับตำแหน่งและความรับผิดชอบของผู้ได้รับมอบหมายหรือได้รับมอบอำนาจเป็นสำคัญ
หมวด ๓
หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุมัติดำเนินโครงการบริการสังคม
ส่วนที่ ๑
โครงการบริการการศึกษาเพื่อรับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตร
ข้อ ๒๔ การดำเนินโครงการบริการการศึกษาเพื่อรับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตร
ให้ส่วนงานดำเนินการเพื่อขออนุมัติตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
(๑) ให้หัวหน้าส่วนงานเสนอหลักสูตรที่จะเปิดสอนต่อคณะกรรมการประจำส่วนงานเพื่อพิจารณา
ให้ความเห็นชอบ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการประจำส่วนงานแล้ว ให้เสนอคณะกรรมการนโยบาย
วิชาการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาอนุมัติหลักสูตร
(๒) ให้หัวหน้าส่วนงานเสนอแผนการเงินที่สอดคล้องกับโครงสร้างของหลักสูตรที่ได้รับ
ความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายวิชาการต่อคณะกรรมการประจำส่วนงานเพื่อพิจารณา
ให้ความเห็นชอบ เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้เสนอต่อคณะกรรมการการเงินเพื่อพิจารณาอนุมัติ
ทั้งนี้ ให้เสนอต่อคณะกรรมการการเงินเพื่อพิจารณาล่วงหน้าก่อนการเปิดรับสมัครนักศึกษาไม่น้อยกว่า
เก้าสิบวัน
แผนการเงินตาม (๒) อย่างน้อยต้องประกอบด้วยรายการ ดังต่อไปนี้
(๑) รายละเอียดโครงการ
(๒) สรุปโครงสร้างหลักสูตร
(๓) รายละเอียดการกำหนดและฐานการคิดอัตราค่าหน่วยกิตหรือค่าธรรมเนียมของโครงการ
(๔) ประมาณการรายรับรายจ่ายของโครงการ อย่างน้อยจำนวนหนึ่งรุ่น
(๕) การคำนวณจุดคุ้มทุน
กรณีที่โครงการที่เสนอขออนุมัติประกอบด้วยการดำเนินโครงการย่อยหลายโครงการให้ชี้แจงรายละเอียดของโครงการย่อยแต่ละโครงการประกอบด้วย
ทั้งนี้ แบบฟอร์มการขออนุมัติโครงการให้เป็นไปตามที่อธิการบดีกำหนด
ข้อ ๒๕ ส่วนงานจะเปิดรับสมัครนักศึกษาได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติให้ดำเนินการตามข้อ ๒๔ (๑) และ (๒) แล้ว
ข้อ ๒๖ เมื่อส่วนงานได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว ให้ส่วนงานจัดทำแผนงบประมาณ
ของโครงการรวมอยู่ในแผนงบประมาณประจำปีของส่วนงานในปีงบประมาณถัดไปเพื่อเสนอสภามหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติ
ในกรณีที่เป็นการขอเปิดหลักสูตรและดำเนินโครงการในระหว่างปีงบประมาณ ให้ส่วนงานจัดทำแผนงบประมาณของโครงการในปีงบประมาณนั้นเพื่อรองรับรายจ่ายของโครงการ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินวงเงินงบประมาณประจำปีที่ส่วนงานได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย
ในกรณีที่คาดว่าแผนงบประมาณรายจ่ายจะเกินกว่าวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยแล้ว ให้ส่วนงานดำเนินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติม
เพื่อขออนุมัติต่อสภามหาวิทยาลัย
ข้อ ๒๗ ในกรณีที่ส่วนงานประสงค์เปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาของโครงการ
ให้ส่วนงานจัดทำแผนงบประมาณและแผนการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมตามที่ประสงค์นั้นแล้วเสนอต่อกองแผนงานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นและเสนอต่อคณะกรรมการการเงินเพื่อพิจารณาอนุมัติ
ทั้งนี้ ให้เสนอต่อคณะกรรมการการเงินเพื่อพิจารณาล่วงหน้าก่อนการเปิดรับสมัครนักศึกษารุ่นที่มี
การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน
ในการจัดทำแผนการเงินตามวรรคหนึ่ง ให้นำความในข้อ ๒๔ มาใช้โดยอนุโลม
ข้อ ๒๘ ในกรณีที่ส่วนงานประสงค์ปรับปรุงหลักสูตร และการปรับปรุงหลักสูตรนั้นส่งผลกระทบต่อแผนงบประมาณและแผนการเงินของโครงการ เช่น การปรับเพิ่มหรือลดจำนวนหน่วยกิตตลอดหลักสูตร การปรับเพิ่มหรือลดจำนวนรับนักศึกษาเกินร้อยละสิบ และการปรับรูปแบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาจากการจัดเก็บตามหน่วยกิตเป็นจัดเก็บแบบเหมาจ่าย ให้ส่วนงานดำเนินการตามข้อ ๒๔ โดยอนุโลม
ในกรณีที่การปรับปรุงหลักสูตรไม่มีผลกระทบต่อแผนงบประมาณและแผนการเงิน
ส่วนงานไม่ต้องดำเนินการตามข้อ ๒๔ (๒)
ข้อ ๒๙ การขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เปลี่ยนแปลงชื่อโครงการ เปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาในการดำเนินโครงการ การยกเลิกโครงการหรือการยุติโครงการ ให้หัวหน้าส่วนงานเสนอคณะกรรมการโครงการบริการสังคมของส่วนงานพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอคณะกรรมการการเงินเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
ให้คณะกรรมการการเงินมีอำนาจกำหนดเงื่อนไขให้ส่วนงานดำเนินการในกรณีมีการยกเลิกโครงการหรือยุติโครงการ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและนักศึกษาตลอดจน
ผู้ที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๓๐ แม้คณะกรรมการการเงินจะอนุมัติให้ส่วนงานยกเลิกหรือยุติโครงการแล้ว โครงการ
ที่ได้รับอนุมัตินั้นจะยังไม่ยกเลิกหรือยุติจนกว่าโครงการดังกล่าวไม่มีนักศึกษาคงค้างอยู่ในโครงการ
และเมื่อโครงการนั้นยกเลิกหรือยุติลงแล้ว ให้หัวหน้าส่วนงานแจ้งต่อคณะกรรมการการเงินเพื่อทราบ
ส่วนที่ ๒
โครงการบริการวิชาการและวิชาชีพ
ข้อ ๓๑ การขออนุมัติดำเนินโครงการบริการวิชาการและวิชาชีพ ให้หัวหน้าส่วนงานที่ประสงค์
จะดำเนินโครงการบริการวิชาการและวิชาชีพในส่วนนี้ เสนอขออนุมัติดำเนินโครงการต่ออธิการบดี เว้นแต่เป็นโครงการบริการวิชาการและวิชาชีพเดิมที่เคยได้รับการอนุมัติจากอธิการบดีแล้วและการดำเนินโครงการ ตลอดจนงบประมาณรายรับและรายจ่ายของโครงการสำหรับรุ่นใหม่ใช้หลักเกณฑ์และอัตราเดียวกับที่เคยได้รับอนุมัติ ให้หัวหน้าส่วนงานส่งรายละเอียดรวมทั้งประมาณการรายรับรายจ่ายของโครงการสำหรับรุ่นใหม่
ให้มหาวิทยาลัยเพื่อทราบ
การเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการบริการสังคม ตามข้อ ๙ (๒) ประเภท (๒.๑) (๒.๒) และ (๒.๕) ส่วนงานต้องดำเนินการจัดทำคำขอตามแบบฟอร์มที่อธิการบดีกำหนด โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรายการ ดังต่อไปนี้
(๑) รายละเอียดโครงการ
(๒) ประมาณการรายรับและรายจ่ายของโครงการ
(๓) รายการทะเบียนทรัพย์สินที่จะนำมาใช้ในโครงการ โดยส่วนงานต้องรับรองว่าการนำอุปกรณ์ เครื่องมือในห้องปฏิบัติการจะไม่กระทบต่อการเรียนการสอนของส่วนงาน
ข้อ ๓๒ ในการจัดทำแผนงบประมาณ ให้หัวหน้าส่วนงานจัดทำแผนงบประมาณรายรับ
และรายจ่ายของโครงการบริการวิชาการและวิชาชีพที่จะดำเนินการรวมในแผนงบประมาณประจำปีของ
ส่วนงาน เสนอต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาอนุมัติ
ในกรณีโครงการที่มิได้อยู่ในแผนงบประมาณประจำปีที่ได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย
ให้หัวหน้าส่วนงานจัดทำคำชี้แจง หลักการ เหตุผล แผนการดำเนินงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ ตลอดจนแสดงงบประมาณรายรับและรายจ่ายของโครงการเสนอต่อคณะกรรมการประจำส่วนงานเพื่อพิจารณา
ให้ความเห็นชอบและเสนอต่ออธิการบดีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ แบบฟอร์มการขออนุมัติโครงการให้เป็นไปตามที่อธิการบดีกำหนด
แผนงบประมาณรายจ่ายในการดำเนินโครงการตามวรรคสองต้องไม่เกินวงเงินงบประมาณประจำปีที่ส่วนงานได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย
ในกรณีที่คาดว่าแผนงบประมาณรายจ่ายจะเกินกว่าวงเงินงบประมาณประจำปีที่ได้รับอนุมัติ
จากสภามหาวิทยาลัยแล้ว ให้ส่วนงานดำเนินการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติมเพื่อขออนุมัติ
ต่อสภามหาวิทยาลัย
ข้อ ๓๓ การขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เปลี่ยนแปลงชื่อโครงการ เปลี่ยนแปลงกำหนดเวลา
ในการดำเนินโครงการ การยกเลิกโครงการ หรือการยุติโครงการ ให้หัวหน้าส่วนงานเสนอคณะกรรมการโครงการบริการสังคมของส่วนงานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและรายงานอธิการบดีเพื่อทราบ
หมวด ๔
การกำกับดูแลและตรวจสอบ
ข้อ ๓๔ ให้หัวหน้าส่วนงานจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปีของโครงการบริการสังคมตามข้อ ๙ ทุกโครงการของส่วนงานเสนอต่อคณะกรรมการประจำส่วนงานเพื่อพิจารณาและเสนออธิการบดีเพื่อทราบ ภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดปีงบประมาณ
การรายงานสรุปผลการดำเนินงานของโครงการบริการสังคมตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องประกอบด้วยรายการดังต่อไปนี้
(๑) ชื่อโครงการ
(๒) วันที่จัดโครงการ
(๓) สรุปรายรับและรายจ่ายในการดำเนินโครงการ
(๔) วันที่และจำนวนเงินที่นำส่งมหาวิทยาลัยโดยแยกเป็นแต่ละโครงการ
ข้อ ๓๕ ให้หัวหน้าส่วนงานควบคุม กำกับดูแล และตรวจสอบการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ และกฎ ระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหลักเกณฑ์ เงื่อนไขของโครงการบริการสังคมที่ได้รับอนุมัติอย่างเคร่งครัด
ข้อ ๓๖ ให้หัวหน้าส่วนงานแต่งตั้งเจ้าหน้าที่บัญชีเพื่อจัดทำบัญชีของโครงการบริการสังคม
ตามแบบที่มหาวิทยาลัยกำหนด
ข้อ ๓๗ ให้สำนักงานตรวจสอบภายในหรือผู้ตรวจสอบภายในที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้ง
เป็นผู้ทำการตรวจสอบบัญชีและตรวจสอบงบการเงินของโครงการบริการสังคมทุกโครงการของส่วนงาน
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๓๘ โครงการบริการสังคมของส่วนงานที่ได้รับอนุมัติตามระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยโครงการบริการสังคมของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๕๒ และระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคมของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้ดำเนินการก่อนวันที่ข้อบังคับนี้มีผลใช้บังคับหรืออยู่ระหว่างการดำเนินการ ให้ดำเนินการและปฏิบัติตามระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคมของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๕๒ และระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคมของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ต่อไปจนกว่าโครงการบริการสังคมนั้นจะดำเนินการแล้วเสร็จ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๗๐ เป็นต้นไป ให้หัวหน้าส่วนงานที่ดำเนินโครงการบริการสังคมที่ได้รับอนุมัติหรืออยู่ระหว่างการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
ทั้งนี้ ให้ถือว่าการดำเนินการที่ได้ทำไปตามระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคมของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๕๒ และระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงการบริการสังคมของหน่วยงานในมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นการดำเนินการในเรื่องเดียวกันตามข้อบังคับนี้แล้ว
ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
(ศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์)
นายกสภามหาวิทยาลัย