ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก (Matching Fund) พ.ศ. ๒๕๖๓
………………………………
ด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยให้มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านการวิจัย โดยการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการผลิต ผลงานวิจัยและนวัตกรรมทั้งปริมาณและคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับชาติและนานาชาติ มหาวิทยาลัยจึงเห็นควรให้มีทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก (Matching Fund) โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรทุนตามประกาศฉบับนี้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบข้อ ๑๖ วรรคสอง ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงานวิจัยและกองทุนวิจัยพ.ศ. ๒๕๖๑ อธิการบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารงานวิจัยและกองทุนวิจัยในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๒ จึงออกประกาศไว้ดังนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก (Matching Fund) พ.ศ. ๒๕๖๓”
อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับนับถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
“กองทุน” หมายความว่า กองทุนวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารงานวิจัยและกองทุนวิจัย
“คณะอนุกรรมการ” หมายความว่าคณะอนุกรรมการพิจารณาทุนวิจัยและส่งเสริมการวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“มาตรฐานการทำวิจัย” หมายความว่า การรับรองโครงการที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมการวิจัยในคนจรรยาบรรณการใช้สัตว์เพื่อการวิจัยความปลอดภัยทางชีวภาพหรือมาตรฐาน การวิจัยอื่นๆ
ข้อ ๔ ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก (Matching Fund) เป็นทุนสนับสนุนความร่วมมือการทำวิจัยและนวัตกรรมกับหน่วยงานภายนอกที่มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีคณาจารย์/นักวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นหัวหน้าโครงการซึ่งการสนับสนุนมี ๒ รูปแบบดังนี้
(๑) ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศภายในวงเงิน ๕oo,ooo บาท โดยหน่วยงานภายนอกต้องรวมสัตว์สนุนไม่น้อยกว่า ๕oo,ooo บาทหรือ
(๒) ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศภายในวงเงินไม่เกินร้อยละ ๕o ของทุนวิจัยร่วมและไม่เกิน ๕oo,ooo บาท ซึ่งมหาวิทยาลัยอาจขอให้หน่วยงานต้นสังกัดของผู้วิจัยร่วมสนับสนุนทุนด้วยส่วนนึงแต่ทั้งนี้ไม่เกินร้อยละ ๒๕ ของวงเงินที่มหาวิทยาลัยให้การสนับสนุน
ข้อ ๕ ผู้เสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับทุนต้องมีคุณสมบัติดังนี้
(๑) ต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยที่เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาหรือพนักงานมหาวิทยาลัย
(๒) ต้องไม่เป็นหัวหน้าโครงการวิจัยซึ่งได้รับทุนจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรืองบประมาณจากกองทุนวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่อยู่ระหว่างการวิจัยหรือการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์หรือค้างส่งรายงานการวิจัยและการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ
(๓) ต้องไม่ได้อยู่ในช่วงระยะเวลาที่ผู้รับทุนลาศึกษาต่อหรือลาปฎิบัติงานเพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการหรือเป็นผู้ถูกยืมตัวไปช่วยราชการ ณ หน่วยงานอื่น
ข้อ ๖ การพิจารณาจะเป็นไปตามกรอบระยะเวลาของแหล่งทุนภายนอกที่ร่วมทุนหรือจนกว่างบประมาณตามแผนสนับสนุนของกองทุนจะหมดลง
ข้อ ๗ การจัดทำสัญญารับทุนและแบ่งจ่ายเงินทุนวิจัย ให้เป็นไปตามที่แหล่งทุนภายนอกที่ร่วมทุนกำหนดหากไม่มีให้ใช้หลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานตามข้อกำหนดของทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก (Matching Fund)
ข้อ ๘ ผู้รับทุนมีสิทธิ์เสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับทุนได้เพียงหนึ่งโครงการต่อหนึ่งปีงบประมาณและจะเสนอทำโครงการวิจัยครั้งใหม่ได้เมื่อได้จัดทำโครงการวิจัยเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผู้รับทุนต้องสามารถปฏิบัติงานวิจัยและควบคุมงานวิจัยให้ แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาการทำวิจัยที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ
ข้อ ๙ การจัดทำข้อเสนอโครงการวิจัยต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑) มีหัวข้อและขอบเขตการวิจัยที่แน่นอนและชัดเจนโดยจัดทำข้อเสนอโครงการตามแบบฟอร์มที่มหาวิทยาลัยกำหนด
(๒) เป็นข้อเสนอโครงการวิจัยที่มีระยะเวลาดำเนินการไม่เกินสองปีโดยข้อเสนอโครงการวิจัยนั้นต้องมีได้เป็นโครงการวิจัยหรือส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก แหล่งทุนอื่นแล้วอย่างพอเพียง
(๓) มีการทบทวนเอกสารที่มีการตีพิมพ์ (Literature Review) แล้วอย่างครบถ้วนและครอบคลุมทำให้เชื่อได้ว่าโครงการวิจัยที่เสนอเป็นการวิจัยเพื่อหาองค์ความรู้ใหม่อย่างแท้จริงไม่เป็นการวิจัยที่ซ้ำกับองค์ความรู้ที่มีอยู่แล้วหรือถ้าเป็นการวิจัยเพื่อยืนยันองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วก็ต้องเป็นการวิจัยที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริงและต้องระบุชื่อวารสารชื่อบทความที่คาดว่าจะยื่นตีพิมพ์เผยแพร่หรือชื่อเรื่องที่คาดว่าจะยื่นจดสิทธิบัตรอนุสิทธิบัตร
(๔) ก็รณีที่ผู้รับทุนแจ้งว่าโครงการวิจัยเกี่ยวข้องกับมาตรฐานการทำวิจัยจะต้องแนบหลักฐานการผ่านการรับรองจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับการยื่นข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับการพิจารณาทุน
(๕) โครงการวิจัยจะดำเนินการวิจัยได้ต่อเมื่อทำสัญญารับทุนกับมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว
ข้อ ๑o การขอรับทุนวิจัยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
(๑) ให้ผู้รับทุนเสนอข้อเสนอโครงการวิจัยต่อส่วนงานต้นสังกัดตามระยะเวลาที่ส่วนงานกำหนด
(๒) ให้ส่วนงานโดยคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานในกรณีที่ไม่มีคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักวิชาการและกันกองข้อเสนอโครงการวิจัย
(๓) เมื่อได้ดำเนินการตาม (๒) แล้วให้ส่วนงานจัดส่งข้อเสนอโครงการวิจัยที่ผ่านความเห็นชอบจากส่วนงานตามแบบเสนอขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยจำนวน ๒ ชุด CD บันทึกข้อมูลในรูปแบบของ file Word จำนวน ๑ แผ่นมายังกองบริหารการวิจัยเพื่อนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรทุน
(๔) คณะกรรมการจะไม่รับพิจารณาข้อเสนอโครงการวิจัยที่ส่งเอกสารประกอบการพิจารณาไม่ครบถ้วนตามกำหนด
(๕) เมื่อคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรทุนแล้วให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ ๑๑ กรณีที่ผู้รับทุนแจ้งว่าโครงการวิจัยไม่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการทำวิจัยหากมีผลสืบเนื่องในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการทำวิจัยในภายหลังจะไม่เป็นความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยและจะถือว่าเป็นความลับผิดชอบของคณะผู้วิจัยเท่านั้น
ข้อ ๑๒ ผู้รับทุนต้องทำสัญญารับทุนตามแบบสัญญาที่คณะกรรมการกำหนดภายในระยะเวลาตามประกาศผลการพิจารณาจัดสรรทุน
ข้อ ๑๓ ภายหลังจากการทำสัญญารับทุนหากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการจัดทำโครงการวิจัยเช่นเปลี่ยนผู้ร่วมวิจัยการขอขยายระยะเวลาการทำวิจัยเป็นต้นให้ผู้รับทุนชี้แจงเหตุผลความจำเป็นผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานแล้วแต่กรณีเพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสัญญาต่อคณะกรรมการ
ข้อ ๑๔ คณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานในกรณีที่ไม่มีคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) ต้องติดตามกำกับดูแลผู้ได้รับทุนให้ดำเนินการส่งผลงานวิจัยหรือคืนเงินงบประมาณหากดำเนินการไม่แล้วเสร็จก่อนพ้นสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
ข้อ ๑๕ ทุนสนับสนุนการวิจัยให้แบ่งจ่ายเป็นรายงวดตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(๑) งวดที่หนึ่งเป็นจำนวนร้อยละ ๕o ของเงินสนับสนุนการวิจัยที่ได้รับอนุมัติกำหนดจ่ายเมื่อผู้รับทุนได้รับอนุมัติข้อเสนอโครงการวิจัยและจัดทำสัญญารับทุนวิจัยกับมหาวิทยาลัยแล้ว
(๒) งวดที่สองเป็นจำนวนร้อยละ ๕o ของเงินสนับสนุนการวิจัยที่ได้รับอนุมัติกำหนดจ่ายเมื่อผู้รับทุนส่งรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์
(๓) ผู้ขอรับทุนต้องเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์ที่กองคลังกำหนดในชื่อหัวข้อโครงการวิจัยตามด้วยเลขที่สัญญารับทุนสนับสนุนการวิจัยโดยหัวข้อโครงการเป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเพื่อรับโอนเงินทุนสนับสนุนการวิจัย
ข้อ ๑๖ ผู้รับทุนต้องเก็บรักสาบัญชีและหลักฐานการใช้จ่ายเงินทุนวิจัยทุกรายการไว้เพื่อการตรวจสอบ
ข้อ ๑๗ ผู้รับทุนต้องเสนอรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยภายในระยะเวลาและตามแบบรายงานความก้าวหน้าที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ ๑๘ ผู้รับทุนจัดส่งรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์และเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ส่ง ให้คณะกรรมการภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา
(๑) รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์จำนวน ๑ เล่ม (โดยถ่ายหน้าปลุกรายงานการวิจัยจะต้องระบุว่างานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปีงบประมาณ……..)
(๒) CD ที่บันทึกข้อมูลผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ที่ได้จัดทำเป็นไฟล์ PDF จำนวน ๒ ชุด
(๓) กรณีทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศบทความวิจัยอย่างน้อย ๒ เรื่องและเอกสารการตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลได้แก่ฐานข้อมูลการจัดอันดับวารสาร SJR (Scimago Journal Rank: www.scimagoir.com) หรือฐานข้อมูล ISI Wed of Science (Science Citation Index Expanded, Social Science Citation Index, Art and Humanities Citation Index) หรือฐานข้อมูล Scopus จำนวน ๑ ชุด
(๔) กรณีทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศบทความวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่อยู่ในฐานข้อมูลสากลอย่างน้อย ๑ เรื่องวงเงินสนับสนุนไม่เกิน
๒๕o,ooo บาทและอย่างน้อย ๒ เรื่อง สำหรับวงเงินสนับสนุนการวิจัยที่เกินกว่า ๒๕o,ooo บาท
ในกรณีที่ผู้รับทุนไม่สามารถส่งเอกสารตามข้อ (๑) (๒) และ (๓) หรือ (๔) ภายในที่กำหนดไว้ในสัญญาให้ผู้รับทุนชี้แจงเหตุผลความจำเป็นผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานแล้วแต่กรณีก่อนครบกำหนดไม่น้อยกว่า ๓o วันเพื่อขออนุมัติขยายระยะเวลาส่งรายงานฉบับสมบูรณ์และเอกสารหลักฐานได้ไม่เกินสองครั้งครั้งละไม่เกิน ๙o วัน
ข้อ ๑๙ รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์และบทความวิจัยต้องระบุในกิตติกรรมประกาศหรือ Acknowledged ว่า “ เป็นงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนโครงการวิจัยจากความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก (Matching Fund) ตามสัญญาเลขที่ ………….” หรือในภาษาอังกฤษว่า “This study was supported by Matching Fund between Thammasat University Research Fund and ………University or…………Instutue, Contract No. ……………..”
ข้อ ๒o ทรัพย์สินทางวันยาของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนตามประกาศนี้ให้เป็นของมหาวิทยาลัยและคู่ความร่วมมือโดยให้ดำเนินการตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและการจัดหาประโยชน์จากทรัพย์ ศิลป์ทางปัญญาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ข้อ ๒๑ คณะกรรมการอาจพิจารณายุติการให้ทุนหรือยกเลิกโครงการวิจัยในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ผู้รับทุนพ้นสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
(๒) ผู้รับทุนไม่รายงานความก้าวหน้าตามกำหนดเวลาโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(๓) ผู้รับทุนไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัย
(๔) ผู้รับทุนรับเงินทุนวิจัยหรือทุนสนับสนุนการวิจัยในเรื่องเดียวกันกับที่ได้รับทุนจากหน่วยงานอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ
ข้อ ๒๒ โครงการที่ถูกยุติการให้ทุนหรือยกเลิกโครงการวิจัยให้ผู้รับทุนคืนเงินทุนวิจัยที่ได้รับไปแก่มหาวิทยาลัยเว้นแต่คณะกรรมการสั่งยุติการให้ทุนหรือยกเลิกโครงการวิจัยด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังนี้
(๑) หัวหน้าโครงการตายและไม่มีหัวหน้าโครงการแทน
(๒) มีเหตุสุดวิสัยจนไม่สามารถดำเนินงานวิจัยต่อไปได้
(๓) ผู้รับทุนไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยและคณะกรรมการเห็นสมควรให้ผู้รับทุนไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือ คืนเงินทุนวิจัยทั้งหมดหรือบางส่วน
ข้อ ๒๓ ผู้รับทุนที่ถูกยุติการให้ทุนหรือยกเลิกโครงการวิจัยจะไม่สามารถยื่นเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับทุนสนับสนุนการวิจัยเป็นระยะเวลา ๑ ปี นับจากวันที่ถูกยุติการให้ทุนหรือยกเลิกโครงการวิจัย
ข้อ ๒๔ เมื่อสิ้นสุดการรับทุนผู้รับทุนต้อง สรุปรายงานการใช้จ่ายเงินให้กองบริหารการวิจัยเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อทราบ
ในกรณีที่มีเงินทุนเหลือจ่ายให้ผู้รับทุนคืนเงินให้แก่กองทุนวิจัยและส่งสำเนาใบเสร็จรับเงินให้กองบริหารงานวิจัยด้วย
ข้อ ๒๕ ในกรณีที่เป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่คณะกรรมการอนุมัติให้มีการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อการวิจัยให้ผู้รับทุนจัดทำบัญชีครุภัณฑ์และส่งมอบครุภัณฑ์นั้นให้เป็นครุภัณฑ์ของส่วนงานต่อไป
ข้อ ๒๖ การตีความวินิจฉัยตามประกาศฉบับนี้ให้เป็นอำนาจของรองอธิการบดีที่ รับผิดชอบด้าน
การวิจัย
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มกราคมพ.ศ. ๒๕๖๓
(รองศาสตราจารย์ เกศินี วิฑูรชาติ)
อธิการบดี