ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรื่อง การจัดตั้งหน่วยวิจัย (Research Unit – RU) พ.ศ. ๒๕๖๔
…………………………………………..
ด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีนโยบายในการส่งเสริมงานวิจัยและวิชาการเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยวิจัย” ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งสร้างและหรือผลิตองค์ความรู้ใหม่ โดยหน่วยวิจัย (Research Unit – RU) ถือเป็นกลไกลหนึ่งในการสร้างความก้าวหน้า และความเป็นเลิศทางวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ และสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการได้ในอนาคตอันใกล้ จึงควรให้มีการจัดตั้งหน่วยวิจัย (Research Unit – RU)
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบข้อ ๑๖ วรรคสอง ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยการบริหารงานวิจัยและกองทุนวิจัย พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารงานวิจัยและกองทุนวิจัยในคราวประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔ อธิการบดีจึงออกประกาศไว้ดังนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยวิจัย (Research Unit – RU) พ.ศ. ๒๕๖๔”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับนับถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิก
- ประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยวิจัย (Research Unit – RU)
พ.ศ. ๒๕๖๓
ข้อ ๔ ในประกาศนี้
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารงานวิจัยและกองทุนวิจัย
“ศูนย์” หมายความว่า ศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการตามประกาศมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางวิชาการ (Center of Excellence – CoE)
ข้อ ๕ หน่วยวิจัย (Research Unit – RU) ประกอบด้วยอาจารย์หรือนักวิจัย ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาหรือวิชาการ ตามวัตถุประสงค์ของหน่วยวิจัย ตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อจัดทำหรือผลิตผลงานวิจัย นวัตกรรมหรือผลงานทางวิชาการอื่น
ข้อ ๖ หน่วยวิจัยมีวัตถุประสงค์ในการจัดทำหรือผลิตผลงานวิจัย นวัตกรรม หรือผลงานทางวิชาการอื่น ตามพันธกิจของหน่วยวิจัยที่กำหนดไว้ในประกาศจัดตั้งหน่วยวิจัย
ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตามวรรคหนึ่ง หน่วยวิจัยต้องจัดทำแผนงานวิจัยและนวัตกรรมประจำปี เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบทุกปี
ข้อ ๗ การนำผลงานไปเสนอหรือตีพิมพ์เผยแพร่ ของหัวหน้าหน่วยวิจัย และหรือสมาชิกของหน่วยวิจัย ผลงานจะต้องระบุชื่อหน่วยวิจัยพร้อมกับชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ ตำแหน่งที่อยู่ของนักวิจัย หรือใน Acknowledgement ว่า “This work was supported by Thammasat University Research Unit in……….”
ข้อ ๘ หน่วยวิจัย ประกอบด้วย
- หัวหน้าหน่วยวิจัย ที่มีคุณสมบัติดังนี้
(๑.๑) เป็นคณาจารย์ประจำหรือนักวิจัยของมหาวิทยาลัย
(๑.๒) มีประสบการณ์ทำวิจัยในสาขาวิชาตามวัตถุประสงค์ของหน่วยวิจัยมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือน
(๑.๓) มีผลงานวิจัย นวัตกรรม หรือผลงานทางวิชาการอื่นที่มีความโดดเด่น เช่น ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ มีการจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ เป็นต้น
(๒) สมาชิกหน่วยวิจัยต้องเป็นคณาจารย์ประจำหรือนักวิจัยของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป ที่มีประสบการณ์ทำวิจัยในสาขาวิชาตามวัตถุประสงค์ของหน่วยวิจัย
ข้อ ๙ หัวหน้าหน่วยวิจัยมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นผู้แทนของหน่วยวิจัยในการติดต่อประสานงานกับมหาวิทยาลัย
(๒) รับผิดชอบบริหารงานของหน่วยวิจัยให้บรรลุวัตถุประสงค์การจัดตั้งหน่วยวิจัย
(๓) จัดทำแผนการวิจัยและนวัตกรรมประจำปีของหน่วยวิจัยเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
(๔) ควบคุมดูแลการทำวิจัย นวัตกรรม หรือผลงานวิชาการอื่นตามวัตถุประสงค์ของหน่วยวิจัย
(๕) รายงานผลการดำเนินงานตามแผนการวิจัยและนวัตกรรมประจำปีที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ
(๖) รับผิดชอบบริหารงบประมาณ การเงิน และการบัญชีของหน่วยวิจัย
(๗) รายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัยตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ ๑๐ หัวหน้าหน่วยวิจัยสามารถเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยได้เพียงหนึ่งหน่วยวิจัย และต้องไม่เป็นสมาชิกของหน่วยวิจัยอื่นหรือศูนย์อื่น
สมาชิกของหน่วยวิจัยจะไม่สามารถเป็นสมาชิกของหน่วยวิจัยอื่นหรือศูนย์อื่นได้
ข้อ ๑๑ หน่วยวิจัยต้องใช้ชื่อภาษาไทยว่า “หน่วยวิจัยด้าน …” แล้วตามด้วยชื่อสาขาวิชาการที่
หน่วยวิจัยนั้นมีความเชี่ยวชาญ และต้องใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Research Unit in …” แล้วตามด้วยชื่อสาขาวิชาการที่หน่วยวิจัยนั้นมีความเชี่ยวชาญเป็นภาษาอังกฤษ แต่ทั้งนี้ หน่วยวิจัยต้องไม่มีชื่อหรือวัตถุประสงค์ซ้ำกับหน่วยวิจัยที่ได้รับการจัดตั้งไว้ก่อนแล้ว
ข้อ ๑๒ การเสนอขอจัดตั้งหน่วยวิจัยให้หัวหน้าหน่วยวิจัยจัดทำแบบเสนอขอรับการสนับสนุนและรับรองการจัดตั้งหน่วยวิจัยเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานในกรณีที่ไม่มีคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) เพื่อกลั่นกรององค์ประกอบ วัตถุประสงค์ พันธกิจ และแผนงานของหน่วยวิจัยเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา
แบบเสนอขอรับการสนับสนุนและรับรองการจัดตั้งหน่วยวิจัยให้เป็นไปตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ ๑๓ การพิจารณาจัดตั้งหน่วยวิจัยให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) หน่วยวิจัยต้องจัดทำแผนงานวิจัยและนวัตกรรม อย่างน้อยสามปี โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องมีความสอดคล้องกับชื่อและวัตถุประสงค์ของหน่วยวิจัยและสอดคล้องกับนโยบายและแนวทางการวิจัยของมหาวิทยาลัย และเป็นประโยชน์ต่อความเข้มแข็งด้านวิชาการของประเทศไทย
(๒) หัวหน้าหน่วยวิจัยและสมาชิกต้องมีผลงานดังต่อไปนี้ รวมกันอย่างน้อยสองเรื่อง ในระยะสามปีที่ผ่านมานับจากวันที่ยื่นคำขอจัดตั้ง
๒.๑ มีผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลสากล ได้แก่ ฐานข้อมูลการจัดอันดับวารสาร SJR (SCImago Journal Rank: www.scimagojr.com) หรือฐานข้อมูล ISI Web of Science (Science Citation Index Expand, Social Sciences Citation Index, Art and Humanities Citation Index) หรือฐานข้อมูล Scopus
๒.๒ เฉพาะกรณีการตั้งหน่วยวิจัยด้านสาขาวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ต้องมีผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลสากล ได้แก่ ฐานข้อมูลการจัดอันดับวารสาร SJR (SCImago Journal Rank: www.scimagojr.com) หรือฐานข้อมูล ISI Web of Science (Science Citation Index Expand, Social Sciences Citation Index, Art and Humanities Citation Index) หรือฐานข้อมูล Scopus หรือที่อยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ จากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index Centre: TCI) กลุ่มที่ ๑
๒.๓ มีผลงานสิ่งประดิษฐ์หรือผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร หรือได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ
ข้อ ๑๔ การจัดตั้งหน่วยวิจัยให้ทำเป็นประกาศมหาวิทยาลัยที่ประกอบด้วย
- ชื่อหน่วยวิจัย
- วัตถุประสงค์และพันธกิจของหน่วยวิจัย
- หัวหน้าหน่วยวิจัยและสมาชิกหน่วยวิจัย
ข้อ ๑๕ หน่วยวิจัยที่ได้รับอนุมัติจัดตั้งแล้วให้ได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์
และอัตรา ดังต่อไปนี้
(๑) ปีที่หนึ่ง จัดสรรให้เมื่อได้รับการจัดตั้งหน่วยวิจัยและคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแผนงานประจำปี จำนวนไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้แบ่งจ่ายเป็น ๒ งวด และมีกำหนดการจ่าย ดังนี้
(๑.๑) งวดที่ ๑ จำนวนร้อยละ ๕๐ ของเงินสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติ กำหนดจ่ายเมื่อหน่วยวิจัยได้รับการจัดตั้ง
(๑.๒) งวดที่ ๒ จำนวนร้อยละ ๕๐ ของเงินสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติ กำหนดจ่ายเมื่อหน่วยวิจัยรายงานผลการดำเนินงานรอบหกเดือน และคณะกรรมการเห็นชอบในความก้าวหน้านั้น
(๒) ปีที่สองถึงปีที่ห้า จัดสรรให้ไม่เกินปีละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท กำหนดจ่ายเมื่อมีผลงานเป็นไปตามแผนงานประจำปีที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ โดยให้แบ่งจ่ายเป็น ๒ งวด และมีกำหนดการจ่าย ดังนี้
(๒.๑) งวดที่ ๑ จำนวนร้อยละ ๕๐ ของเงินสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติ กำหนดจ่ายเมื่อหน่วยวิจัยรายงานผลการดำเนินงานของรอบปีที่ผ่านมา และคณะกรรมการเห็นชอบในผลงานและแผนงานของปีถัดไป
(๒.๒) งวดที่ ๒ จำนวนร้อยละ ๕๐ ของเงินสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติ กำหนด
จ่ายเมื่อหน่วยวิจัยรายงานผลการดำเนินงานรอบหกเดือน ของรอบปี และคณะกรรมการเห็นชอบในความก้าวหน้านั้น
(๓) ปีที่หกเป็นต้นไป จัดสรรให้ร้อยละ ๕๐ ของงบประมาณสนับสนุนจากแหล่งทุนภายนอกที่
หน่วยวิจัยได้รับในรอบ ๑ ปีที่ผ่านมา แต่ไม่เกินไม่เกินปีละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท กำหนดจ่ายเมื่อมีผลงานเป็นไปตามแผนงานประจำปีที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ โดยให้แบ่งจ่ายเป็น ๒ งวด และมีกำหนดการจ่าย ดังนี้
(๓.๑) งวดที่ ๑ จำนวนร้อยละ ๕๐ ของเงินสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติ กำหนดจ่ายเมื่อหน่วยวิจัยรายงานผลการดำเนินงานของรอบปีที่ผ่านมา และคณะกรรมการเห็นชอบในผลงานและแผนงานของปีถัดไป
(๓.๒) งวดที่ ๒ จำนวนร้อยละ ๕๐ ของเงินสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติ กำหนด
จ่ายเมื่อหน่วยวิจัยรายงานผลการดำเนินงานรอบหกเดือน ของรอบปี และคณะกรรมการเห็นชอบในความก้าวหน้านั้น
การรายงานผลการดำเนินงานตามข้อ ๑๕ (๒) และ (๓) หัวหน้าหน่วยวิจัยต้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานประจำปี ส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบในทุก ๆปี นับจากวันที่ได้รับจัดตั้งเป็นหน่วยวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในกรณีที่หัวหน้าหน่วยวิจัย ไม่สามารถส่งรายงานผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ให้หัวหน้าหน่วยวิจัยชี้แจงเหตุผลความจำเป็นผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานแล้วแต่กรณี เพื่อเสนอขอขยายเวลาการดำเนินงานต่อคณะกรรมการพิจารณา ก่อนครบกำหนดไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ข้อ ๑๖ ในการรับเงินสนับสนุน หน่วยวิจัยต้องเปิดบัญชีเพื่อรับเงินโอนสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัยกับธนาคารพาณิชย์ที่กองคลังกำหนดในชื่อหน่วยวิจัย
เงื่อนไขการเบิกจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง ให้หัวหน้าหน่วยวิจัยเป็นผู้ลงนามเบิกเงิน
ข้อ ๑๗ เงินสนับสนุนตามข้อ ๑๔ ให้หน่วยวิจัยใช้จ่ายเพื่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของ
หน่วยวิจัย ทั้งนี้ให้มีรายการค่าใช้จ่าย ดังต่อไปนี้
(๑) ค่าจ้างผู้ช่วยวิจัย เจ้าหน้าที่ธุรการ นักศึกษาเพื่อช่วยวิจัย
(๒) ค่าตอบแทนผู้วิเคราะห์แปลผล ผู้แปล/Edit บทความวิจัย โดยหากบทความนั้นได้รับทุนสนับสนุนการแปลบทความวิจัยและบทความทางวิชาการจากกองทุนวิจัยแล้ว จะไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยวิจัยในส่วนนี้ได้
(๓) วัสดุสำนักงาน และวัสดุวิทยาศาสตร์
(๔) ค่าครุภัณฑ์ และ ค่าบำรุงรักษาครุภัณฑ์
(๕) ค่าปรับปรุงสถานที่
(๖) ค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์ผลงานในวารสารวิชาการ
(๗) ค่าใช้สอยอื่น ๆ
ข้อ ๑๘ การใช้จ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัย ตามข้อ ๑๗ วงเงินค่าใช้จ่ายแต่ละรายการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด และหัวหน้าหน่วยวิจัยจะต้องดำเนินการตามระเบียบและหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินที่มหาวิทยาลัยกำหนด
ข้อ ๑๙ การตรวจสอบการใช้เงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัย มีดังต่อไปนี้
- หัวหน้าหน่วยวิจัยจะต้องจัดทำบัญชีการรับจ่ายเงินของหน่วยวิจัย และต้องเก็บหลักฐานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัยทุกรายการเพื่อการตรวจสอบ
- หัวหน้าหน่วยวิจัยจะต้องจัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัย ภายในสามสิบวันนับจากวันที่สิ้นสุดแผนงานประจำปี ให้กองบริหารการวิจัยเพื่อนำเสนอคณะกรรมการเพื่อทราบด้วย
ข้อ ๒๐ กรณีที่หน่วยวิจัยมีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของหน่วยวิจัย และหรือกรณีที่หน่วยวิจัยมีการเพิ่มหรือถอนสมาชิกในหน่วยวิจัย ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน โดยให้หัวหน้าหน่วยวิจัยจัดทำคำขอเปลี่ยนแปลงเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) หรือคณะกรรมการประจำส่วนงานในกรณีที่ไม่มีคณะกรรมการส่งเสริมงานวิจัย (ชื่อส่วนงาน) ให้ความเห็นชอบเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณา
ข้อ ๒๑ การประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยวิจัย ให้หน่วยวิจัยต้องมีผลงานวิจัย ดังต่อไปนี้
- ผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลสากล ได้แก่ ฐานข้อมูลการจัดอันดับวารสาร SJR (SCImago Journal Rank: www.scimagojr.com) หรือฐานข้อมูล ISI Web of Science (Science Citation Index Expand, Social Sciences Citation Index, Art and Humanities Citation Index) หรือฐานข้อมูล Scopus อย่างน้อยปีละสองเรื่อง โดยต้องอยู่ใน Q2 อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง และ
- หน่วยวิจัยต้องมีหลักฐานการยื่นข้อเสนอโครงการที่มีหัวข้อการวิจัยเกี่ยวกับชื่อของหน่วยวิจัย เพื่อขอรับทุนวิจัยจากแหล่งทุนวิจัยภายนอก ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อย่างน้อยปีละหนึ่งเรื่อง
ข้อ ๒๒ คณะกรรมการจะงดให้เงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัย เมื่อหน่วยวิจัยไม่ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- ไม่จัดส่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี
- ไม่จัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงินตามข้อ ๑๙ (๒)
- ไม่จัดทำแผนงานวิจัยและนวัตกรรม เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้ความเห็นชอบในการดำเนินงานของหน่วยวิจัยปีต่อไป
ข้อ ๒๓ ให้หน่วยวิจัยยุบเลิกหน่วยวิจัยด้วยเหตุดังต่อไปนี้
- หัวหน้าหน่วยวิจัยพ้นสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย และสมาชิกของหน่วยวิจัย
ไม่สามารถหาผู้มีคุณสมบัติมาเป็นหัวหน้าหน่วยวิจัยได้ ภายในระยะเวลาเก้าสิบวัน - หน่วยวิจัยมีผลงานไม่เป็นไปตาม ข้อ ๒๑
- คณะกรรมการพิจารณาสั่งยุบเลิกหน่วยวิจัย
ข้อ ๒๔ เมื่อหน่วยวิจัยถูกยุบเลิกให้หัวหน้าหน่วยวิจัยดำเนินการดังต่อไปนี้ ภายในสามสิบวัน นับจากวันที่ถูกยุบเลิกหน่วยวิจัย
- นำส่งคืนเงินเหลือจ่ายที่ได้รับไปคืนให้แก่กองทุนวิจัยมหาวิทยาลัย พร้อมส่งสำเนาใบเสร็จรับเงินให้กองบริหารการวิจัย
- จัดส่งรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยวิจัย พร้อมสมุดบัญชีที่ปิด
ให้กองบริหารการวิจัย
- สรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เสนอให้มหาวิทยาลัยทราบ
- ในกรณีที่หน่วยวิจัยมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ ให้หัวหน้าหน่วยวิจัยจัดทำบัญชีครุภัณฑ์และส่งมอบครุภัณฑ์นั้นให้เป็นครุภัณฑ์ของส่วนงานต่อไป
ข้อ ๒๕ หัวหน้าหน่วยวิจัยและสมาชิกที่ถูกยุบเลิกในข้อ ๒๓ จะไม่สามารถขอจัดตั้งหรือเข้าเป็นสมาชิกหน่วยวิจัยอื่นใดอีกได้ในระยะเวลาสามปี นับจากวันที่หน่วยวิจัยถูกยุบเลิก
ข้อ ๒๖ การตีความวินิจฉัยตามประกาศฉบับนี้ให้เป็นอำนาจของรองอธิการบดีที่รับผิดชอบด้าน
การวิจัย
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๒๗ ให้หน่วยวิจัยที่จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ประกาศนี้ มีผลใช้บังคับดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
รองศาสตราจารย์ เกศินี วิฑูรชาติ
(รองศาสตราจารย์ เกศินี วิฑูรชาติ)
อธิการบดี