ระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๓๔
—————————–
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. ๒๕๓๑ สภามหาวิทยาลัยจึงตราระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๓๔”
ข้อ ๒ ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๒๔
ข้อ ๔ ข้อความในระเบียบ มติ หรือคำสั่งอื่นใดซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๕ ในระเบียบนี้
“คณะกรรมการ” หมายถึง ข้อหนึ่งข้อใด ดังต่อไปนี้
๑. คณะกรรมการต่าง ๆ ซึ่งสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แต่งตั้งหรือกำหนดให้มีขึ้น
และกำหนดให้เบิกเงินเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ได้
๒. ในกรณีที่เป็นคณะกรรมการของหน่วยงานในสำนักงานอธิการบดี คณะกรรมการนั้นจะต้องมีลักษณะเป็นการถาวร ซึ่งต้องมีระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องกันไปไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน หรือเป็นคณะกรรมการซึ่งจะต้องปฏิบัติงานอย่างเร่งด่วนตามความจำเป็นหรือตามสภาพของงานที่ได้รับมอบหมาย
และได้รับความเห็นชอบจากอธิการบดีให้เบิกเงินเบี้ยประชุม ตามระเบียบนี้ได้
๓. ในกรณีที่เป็นคณะกรรมการของคณะ แผนกอิสระ วิทยาลัย สำนัก ศูนย์ หรือสถาบันซึ่งมีฐานะเป็นส่วนราชการของมหาวิทยาลัย คณะกรรมการนั้นจะต้องมีลักษณะเป็นการถาวร ซึ่งต้องมีระยะเวลาทำงานต่อเนื่องกันไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิการบดีให้เบิกเงินเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ได้
๔. อนุกรรมการสามัญประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตามกฎทบวง (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๑๙ ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
“กรรมการ” หมายถึง ประธานกรรมการ ประธานอนุกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานอนุกรรมการ กรรมการ อนุกรรมการ ที่ปรึกษาเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการ
ข้อ ๖ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้แก่กรรมการตามระเบียบนี้ ให้เบิกจ่ายสำหรับการประชุมเป็นรายครั้ง
สำหรับคณะกรรมการที่มีการประชุมเกินกว่า ๕ ครั้งในหนึ่งเดือน ให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมเหมาจ่ายเป็นรายเดือนได้ในอัตราเท่ากับเบี้ยประชุม ๕ ครั้ง
สำหรับกรรมการซึ่งมิได้เป็นข้าราชการ ลูกจ้าง หรือนักศึกษาสังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้นอีกเท่าของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการซึ่งอธิการบดีกำหนดตามข้อ ๑๐
ในคณะกรรมการชุดหนึ่ง ๆ ให้เลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้รวมกันได้ไม่เกินสองตำแหน่ง
สำหรับกรรมการซึ่งดำรงตำแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี คณบดี ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสถาบัน ประธานสภาอาจารย์ และได้รับเงินสมนาคุณประจำตำแหน่งอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้
ข้อ ๗ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมสำหรับคณะกรรมการคณะหนึ่ง ๆ ให้เบิกจ่ายได้เพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน
ในกรณีคณะกรรมการที่ได้รับเบี้ยประชุมเป็นการเหมาจ่ายรายเดือน หากเดือนใดมี
การประชุมน้อยกว่าห้าครั้ง หรือกรรมการผู้ใดเข้าประชุมน้อยกว่าห้าครั้งให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมตามจำนวนครั้งที่มีการประชุมคณะกรรมการหรือที่ได้เข้าประชุมแล้วแต่กรณี
ข้อ ๘ ถ้ากรรมการผู้ใดเป็นเลขานุการ หรือผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการด้วย ให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงตำแหน่งเดียวในคณะกรรมการนั้น ๆ
ข้อ ๙ ในกรณีที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ให้ผู้ที่เข้าประชุมแทนกรรมการผู้นั้นได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ในกรณีเป็นผู้รักษาการในตำแหน่ง หรือรักษาการแทนผู้ทำหน้าที่ในตำแหน่ง
ข้อ ๑๐ ให้อธิการบดีเป็นผู้กำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมกรรมการตามระเบียบนี้ โดยทำเป็นประกาศมหาวิทยาลัย
ข้อ ๑๑ คณะกรรมการชุดใด หรือกรรมการผู้ใดในคณะกรรมการชุดนั้นได้รับเบี้ยประชุมจากมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานในมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้
ข้อ ๑๒ ให้อธิการบดีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔
(ลงชื่อ) ประภาศน์ อวยชัย
(ศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย)
นายกสภามหาวิทยาลัย