ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ว่าด้วยโครงสร้างและการบริหารงานภายในส่วนงาน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
………………………………………………..
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การดำเนินงานภายในส่วนงานของมหาวิทยาลัย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๓ ประกอบมาตรา ๑๐ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๖ มาตรา ๕๐
และมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ และโดยมติสภามหาวิทยาลัย
ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นชอบให้ออกข้อบังคับไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยโครงสร้างและการบริหารงานภายในส่วนงาน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙”
ข้อ ๒ ข้อบังคับฉบับนี้ให้ใช้บังคับนับถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น ข้อ ๑๕/๑ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงสร้างและการบริหารงานภายในส่วนงาน พ.ศ. ๒๕๕๙
“ข้อ ๑๕/๑ การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย
การลงมติเพื่อเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นคณบดีให้ใช้วิธีลงคะแนนลับ และต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการสภามหาวิทยาลัยทั้งหมด
ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดรับคะแนนเสียงตามวรรคหนึ่งให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยลงมติอีกครั้ง โดยในการลงมติครั้งนี้ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นคณบดีต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการ
สภามหาวิทยาลัยที่มาประชุม
ในการลงมติมติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หากมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานที่ประชุม
สภามหาวิทยาลัยออกเสียงชี้ขาด”
ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖๓ การเลือกผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อผู้อำนวยการสถาบันหรือสำนักของข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าด้วยโครงสร้างและการบริหารงานภายในส่วนงาน พ.ศ. ๒๕๕๙
และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน
“ข้อ ๖๓ การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย
เมื่อดำเนินการสรรหาแล้วเสร็จ ให้คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันหรือสำนัก จัดทำรายงานกระบวนการสรรหาและผลการรับฟังความคิดเห็นโดยละเอียด พร้อมกับเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสถาบันหรือสำนักต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณา
สภามหาวิทยาลัยอาจขอให้คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันหรือสำนัก จัดให้ผู้ที่ได้รับ
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งแสดงวิสัยทัศน์ นโยบาย แผนงาน หรือแนวทางการบริหารสถาบันหรือสำนัก
ต่อสภามหาวิทยาลัยด้วยก็ได้
การลงมติเพื่อเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสถาบันหรือสำนักให้ใช้วิธีลงคะแนนลับและต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการสภามหาวิทยาลัยทั้งหมด
ในกรณีที่ไม่มีผู้ได้รับคะแนนตามวรรคสามให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยลงมติอีกครั้ง โดยในการลงมติครั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสถาบันหรือสำนัก ต้องได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง
ของกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาประชุม
ในการลงมติตามวรรคสามหรือวรรคสี่ หากมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานที่ประชุม
สภามหาวิทยาลัยออกเสียงชี้ขาด”
ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
(ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร)
นายกสภามหาวิทยาลัย